ช็อกโกแลตวาเลนไทน์ ความหวานของชีวิตในช่วงวัยรุ่นและเทศกาลวันแห่งความรัก

วันวาเลนไทน์ (Valentine’s day) หรือก็คือ “วันแห่งความรัก” ที่ใครๆ มักพูดถึงกัน โดยเฉพาะคู่รักหนุ่มสาวที่ยกให้วันวาเลนไทน์เป็นวันพิเศษที่จะได้มอบของขวัญและช่วงเวลาดีๆ ให้แก่กัน โดยวันแห่งความรักหรือวันวาเลนไทน์จะตรงกับวันที่ 14 กุมภาพันธ์ของทุกปี เริ่มมาจากนักบุญที่ชื่อ วาเลนไทน์ หรือ เซนต์วาเลนไทน์ (Saint Valentine) ที่เป็นผู้อุทิศตนเพื่อความรัก และได้สิ้นชีวิตลงในวันที่ 14 กุมภาพันธ์โดยการถูกตัดศีรษะ

ตั้งแต่นั้นมา ทุกๆ วันที่ 14 กุมภาพันธ์จึงเป็นวันแห่งการระลึกถึงนักบุญท่านนี้ และยังเป็นวันที่มีการเฉลิมฉลองและมอบความรักให้แก่กันและกันอย่างเช่นในปัจจุบัน

และทุกๆ ปีเมื่อถึงวันวาเลนไทน์ เหล่าคู่รัก เพื่อน ญาติพี่น้อง หรือคนในครอบครัวก็มักจะมอบ “ช็อกโกแลต” เป็นของขวัญแทนความรักความห่วงใยให้แก่กัน เพราะนอกจากจะหาซื้อง่ายแล้ว ยังเป็นขนมที่มีความหวานละมุนลิ้นอีกด้วย

ช็อกโกแลตวาเลนไทน์ ความหวานของชีวิตในช่วงวัยรุ่น

ช็อกโกแลต (Chocolate) คือผลิตภัณฑ์ที่ทำมาจากเมล็ดพืชที่เรียกว่า เมล็ดโกโก้ (Cacao Bean) ซึ่งมีรสขมโดยธรรมชาติ โดยในสมัยก่อนเมื่อหลายพันปีมาแล้ว ชนเผ่ามายาและแอซเท็กได้นำเมล็ดโกโก้มาทำเป็นเครื่องดื่มรสขม มีการบริโภคต่อๆ กันมาจนกระทั่งในยุคปัจจุบันก็ได้มีการนำผลหรือเมล็ดโกโก้มาผ่านกรรมวิธีเพื่อเพิ่มรสหวาน โดยการผสมเข้ากับน้ำตาลและไขมันจากเมล็ดโกโก้ จนกลายมาเป็นช็อกโกแลตรสหวานละมุนลิ้นที่เรานิยมกินกันนั่นเอง

ปัจจุบันช็อกโกแลตถูกผลิตออกมาในหลายๆ รูปแบบเช่น ขนมหวาน เครื่องดื่ม หรือแม้กระทั่งเป็นส่วนประกอบของอาหาร และยังนำมาใช้แต่งกลิ่นน้ำหอมหรือเครื่องสำอางได้อีกด้วย

ด้วยความหวานและรสอร่อยที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว ช็อกโกแลตจึงเป็นหนึ่งในขนมยอดนิยมสำหรับเด็กๆ และยังเป็นขนมหวานหรือของขวัญที่วัยรุ่นหรือหนุ่มสาวในช่วงอายุประมาณ 10 – 20 ปีนิยมมอบให้กันในวันวาเลนไทน์ ซึ่งนอกจากจะเป็นตัวแทนของความรักและให้รสหวานแล้ว ช็อกโกแลตยังมีประโยชน์ต่อสุขภาพอีกมากมาย ดังนี้

  • ปรับสมดุลการไหลเวียนของเลือด ช่วยบำรุงหลอดเลือดให้แข็งแรง
  • ลดคอเลสเตอรอลในเลือด
  • กระตุ้นการสร้างเซลล์เส้นเลือดใหม่
  • ลดความเสื่อมโทรมของร่างกายด้วยสารต้านอนุมูลอิสระจากเมล็ดโกโก้
  • กระตุ้นให้สมองหลั่งสารเอ็นดอร์ฟิน ช่วยให้อารมณ์ดี คลายเครียด

แต่ก็แน่นอนว่า เมื่อขึ้นชื่อว่าเป็นของหวาน แม้จะมีประโยชน์หรือส่งผลดีกับสุขภาพแค่ไหน หากบริโภคมากเกินจำเป็นหรือบริโภคผิดวิธี ก็สามารถส่งผลเสียกับสุขภาพ ทำให้เสี่ยงต่อโรคไต โรคอ้วน หรือโรคอื่นๆ ได้เช่นกัน

แล้วจะกินช็อกโกแลตยังไงไม่ให้ส่งผลเสียต่อสุขภาพ?

หลักการกินช็อกโกแลตให้เกิดประโยชน์กับสุขภาพง่ายๆ เลยก็คือ “รู้จักเลือก รู้จักกิน” ควรเลือกช็อกโกแลตประเภทขม หรือ ดาร์กช็อกโกแลต (Dark Chocolate) ที่ทำจากโกโก้แท้ โดยในดาร์กช็อกโกแลตจะมีปริมาณโกโก้สูงถึง 70 – 85% และจะมีปริมาณน้ำตาลหรือนมผสมอยู่น้อยมาก แต่ถึงอย่างนั้นก็ไม่ควรบริโภคจนเกินพอดี

โดยปริมาณการบริโภคดาร์กช็อกโกแลตที่เหมาะสมควรให้อยู่ที่ประมาณ 100 กรัมต่อวัน และมากกว่าหนึ่งครั้งต่อสัปดาห์ จึงจะมีประโยชน์ต่อสุขภาพ